เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
จากความก้าวหน้าทางการแพทย์และสาธารณสุขทำให้ประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันอุบัติการณ์ของโรคที่เกิดจากความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ก็เพิ่มขึ้นรวมถึงโรคลิ้นหัวใจตีบที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของลิ้นหัวใจ ฉะนั้นการดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและคงไว้ซึ่งภาวะสุขภาพที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ และการมาถึงของลิ้นหัวใจเทียม (TAVI) ก็อาจเป็นทางเลือกใหม่สำหรับใครหลายคนที่เป็นโรคลิ้นหัวใจตีบ
ในอดีตมักพบว่าโรคลิ้นหัวใจตีบ เกิดจากโรครูห์มาติค ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอายุไม่มาก แต่ในปัจจุบันโรคนี้มักเกิดจากการเสื่อมสภาพของลิ้นหัวใจ ยิ่งผู้ป่วยมีอายุมากขึ้นเท่าไร อุบัติการณ์ของโรคลิ้นหัวใจตีบก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
ลิ้นหัวใจเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของหัวใจ ในขณะที่หัวใจกำลังบีบตัวเมื่อเลือดไหลผ่านออกไป ลิ้นหัวใจจะปิดไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับมา จึงทำหน้าที่เสมือนประตูปิด-เปิด ควบคุมให้เลือดในหัวใจไหลไปทิศทางเดียวสู่ปอดเพื่อฟอกออกซิเจนแล้วไหลกลับสู่ระบบโลหิตอีกครั้ง เมื่อมีปัญหาของลิ้นหัวใจรั่ว เลือดจะไหลย้อนกลับมา แต่ถ้าลิ้นหัวใจตีบเลือดจะไหลผ่านลิ้นหัวใจได้ลำบากในผู้สูงอายุ สาเหตุเกิดจากความเสื่อมของร่างกาย เนื่องจากลิ้นหัวใจเป็นอวัยวะที่เคลื่อนไหวและรับแรงดันจากเลือดตลอดเวลา
ดังนั้นจึงเกิดการเสื่อมขึ้น อาจมีหินปูนเกาะที่ลิ้นหัวใจ ทำให้ลิ้นหัวใจหนาขึ้นและเปิดได้น้อยลง ผู้ป่วยจะเกิดอาการเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก ใจสั่น ขาบวมตามมาด้วยหัวใจเต้นผิดจังหวะ เสียงฟู่บริเวณลิ้นหัวใจ จนถึงขั้นเป็นลมหมดสติบ่อยๆ ยิ่งลิ้นหัวใจตีบมาก หัวใจก็ยิ่งไม่สามารถจะบีบเลือดออกสู่ร่างกายได้ ทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งและหัวใจล้มเหลวในที่สุดหรือภาวะน้ำท่วมปอดนั่นเอง โดยสถิติแล้วเมื่อผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจตีบมีสภาวะหัวใจล้มเหลว จะมีโอกาสเสียชีวิตภายใน 2 ปี สูงถึง 50 %
สำหรับวิธีการรักษานั้น วิธีรักษาโรคลิ้นหัวใจตีบที่เป็นมาตรฐานทั่วโลก คือ การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ เป็นการรักษาที่ได้ผลดีเยี่ยม ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตเพียง 1-2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจตีบรุนแรงจำนวนหนึ่งไม่เหมาะกับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ เช่น ผู้ป่วยที่มีอายุมาก ๆ หรือผู้ที่เคยได้รับการผ่าตัดในช่องอกมาก่อน รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัวหลายโรค ผู้ป่วยเหล่านี้มีโอกาสเสียชีวิตจากการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจได้สูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์หรือมากกว่า สาเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้ป่วยหลายรายมักไม่ได้รับการส่งต่อไปยังศัลยแพทย์ แพทย์ประเมินสภาพผู้ป่วยแล้วว่าไม่เหมาะสำหรับการผ่าตัด
วิทยาการทางการแพทย์ปัจจุบันสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจตีบรุนแรงให้รอดชีวิตได้ เพียงแพทย์ใส่ลิ้นหัวใจเทียม (TAVI: Transcatheter Aortic Valve Implanation) ผ่านสายสวนเข้าไปแทนที่ลิ้นเดิมที่เสื่อมสภาพโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ วิธีนี้ยังแตกต่างจากการผ่าตัดที่ใช้กันในปัจจุบัน สิ่งนั้นคือการดมยาสลบแล้วผ่าตัดเปิดกระดูกหน้าอก ก่อนใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมทำงานแทนหัวใจกับปอด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง และอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 7-10 วัน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้น
วิธีการใหม่จะใส่ลิ้นหัวใจเทียมผ่านสายสวนโดยนำลิ้นหัวใจเทียมแบบใหม่ที่ทำจากเนื้อเยื่อและได้รับการออกแบบให้สามารถหดและขยายตัวได้มาใส่ที่ปลายของสายสวน จากนั้นแพทย์จะใช้สายสวนนำลิ้นหัวใจเทียมเข้าไปอยู่ระหว่างลิ้นหัวใจเดิมและจึงทำการขยายลิ้นหัวใจเทียมด้วยบอลลูนให้ขยายใหญ่ขึ้นคล้าย ๆ กับการกางร่มลิ้นหัวใจเทียมที่กางขยายออกจะเข้าไปแทนที่ลิ้นหัวใจเดิมที่เสื่อมสภาพ ซึ่งวิธีการใส่สายสวนสามารถใส่ผ่านขาหนีบหรือในกรณีที่หลอดเลือดบริเวณขาหนีบเล็กเกินไป แพทย์จะใส่ผ่านแผลเล็กที่ชายโครงเข้าไปทางปลายหัวใจโดยตรง โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดกระดูกหน้าอก ไม่ต้องใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมและไม่ต้องหยุดหัวใจ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งผู้ป่วยพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 4-5 วัน
เทคโนโลยีการเปลี่ยนลิ้นหัวใจตีบ ไม่ต้องผ่าตัด ใช้เวลาน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว