นพ. พรชัย โพธินามทอง
แพทย์ผิวหนัง (ตจวิทยา)
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ลมพิษ (Urticaria) คือผื่นคันบนผิวหนังซึ่งพบบ่อยในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะช่วงอายุ 20-40 ปี เมื่อเป็นโรคลมพิษมักแสดงอาการเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง คันมาก ไม่มีขุยและเกิดได้บนทุกส่วนในร่างกาย โดยมากมักเป็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง จนผื่นค่อย ๆ จางหายไปแล้วขึ้นใหม่ ขึ้นๆยุบๆ บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นปวดท้อง แน่นจมูก หายใจติดขัด หรือบางรายอาจมีอาการรุนแรงมาก ถึงขั้นเสียชีวิต
ลมพิษที่เกิดขึ้นมาและหายไปได้เองอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะหายไปเองภายในเวลา 2 สัปดาห์ หรือในรายที่เป็นนานก็จะเป็นติดต่อกันไม่เกิน 6 สัปดาห์
ผู้ป่วยที่เป็นลมพิษชนิดเรื้อรังจะมีอาการลมพิษ เป็น ๆ หาย ๆ ต่อเนื่องกันเกิน 6 สัปดาห์ขึ้นไปโดยส่วนใหญ่ลมพิษชนิดเรื้อรังจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาการของลมพิษจะทำให้เกิดความรำคาญหรือความไม่สบายตัว ซึ่งส่งผลต่อการดำรงชีวิตหรือการนอนหลับของผู้เป็นลมพิษได้
มีผื่นขึ้นเป็นลักษณะนูนแดง บวม เป็นปื้นจนเห็นขอบเขตได้ชัด มีรูปร่างกลม หรือมีขอบหยักโค้ง บริเวณผื่นจะรู้สึกคัน อาจมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก ปวดท้อง อาเจียน และแสบร้อนบริเวณผิวหนังร่วมด้วย
โรคลมพิษเกิดได้จากหลายสาเหตุ เมื่อร่างกายมีปฎิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้ ร่างกายปล่อยสาร "ฮีสตามีน (Histamine)" และสารอื่น ๆ เข้าสู่กระแสเลือดเป็นจำนวนมาก ทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัวมีพลาสมาหรือน้ำเลือดซึมออกมาในผิวหนัง จนทำให้เกิดผื่นนูนแดงที่ผิวหนังขึ้น สาเหตุของลมพิษเฉียบพลันและลมพิษเรื้อรังแตกต่างกันโดย
50% ของผู้ป่วยเกิดจากการแพ้อาหาร แพ้ยา แมลงสัตว์กัดต่อยและเป็นตามหลังการติดเชื้อ แต่อีก 50% ยังไม่ทราบสาเหตุ
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของผิวหนังของผู้ป่วยมีความไวต่อการถูกกระตุ้นด้วยการเสียดสี การขีดข่วน การกดทับ ความร้อน ความเย็น การออกกำลังกาย แสงแดด ความเครียด อดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ มีอีก 10-20% ที่สัมพันธ์กับโรคติดเชื้อ เช่น ฟันผุ ไซนัสอักเสบ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ติดเชื้อพยาธิ และโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง โรคภูมิคุ้มกันทำลายต่อมไทรอยด์
แพทย์ผิวหนัง (ตจวิทยา)