เมื่อไหร่ควรเริ่มระวังหมอนรองกระดูกเสื่อม พร้อมวิธีป้องกัน

February 28 / 2025

หมอนรองกระดูกเสื่อม

 

 

 

     ปัจจุบันโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม (Lumbar Degenerative Disc Disease) หรือที่เรามักเรียกสั้น ๆ ว่า ‘หมอนรองกระดูกเสื่อม’ เป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่พบมากโดยไม่จำกัดแค่ในผู้สูงอายุเหมือนในอดีต สาเหตุหลักมักเกิดจากการใช้งานอย่างหนักและการนั่งอยู่กับที่หรือยืนอยู่เฉย ๆ นาน โดยสามารถสังเกตอาการเริ่มต้นได้จากอาการปวดบริเวณต้นคอร้าวมาที่ไหล่ อาจมีอาการปวดหน่วง ๆ บริเวณรอบเอวหรืออาจปวดร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่งร่วมกับอาการชาบริเวณปลายเท้า ซึ่งอาการเหล่านี้ จะค่อย ๆ เริ่มส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี

 

อายุเท่าไหร่ ต้องเริ่มใส่ใจหมอนรองกระดูกเสื่อม?

     โดยปกติหมอนรองกระดูกสันหลังซึ่งเป็นอวัยวะที่ช่วยคั่นกลางรอยต่อระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละคู่จะเริ่มเกิดภาวะแห้งลง สูญเสียความยืดหยุ่นและค่อย ๆ เสื่อมสภาพตามอายุ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าปัจจัยทางด้านการสูบบุหรี่ ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมอย่างรวดเร็ว พฤติกรรม อาทิ การยกของหนัก การนั่งอยู่กับที่นานหรือนั่งผิดท่าเป็นประจำ การขับรถระยะทางไกล ๆ รวมถึงการมีน้ำหนักตัวมากเกินไป มีส่วนเร่งความเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งการเสื่อมของหมอนรองกระดูกระยะแรกสามารถเกิดได้เร็วตั้งแต่อายุ 30 ปี และพบภาวะดังกล่าวในผู้ที่มีอายุ 30-50 ปีมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

 

หมอนรองกระดูกเสื่อม ผลกระทบ

 

 

ผลกระทบจากภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม

     นอกจากอาการปวดหลังเรื้อรัง เมื่อหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพมากขึ้น ผู้ป่วยก็อาจพบปัญหาข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อมร่วมด้วย หากหมอนรองกระดูกสันหลังเริ่มบางจนทำให้ข้อกระดูกสันหลังสีกัน ผู้ป่วยอาจเกิดอาการปวดและข้อฝืดจนไม่สามารถเดินได้ปกติ ผู้ป่วยจึงมักไม่อยากขยับตัวทำกิจกรรมใด ๆ ซึ่งยิ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังยืดหยุ่นได้น้อยลง กล้ามเนื้อตึงตัวจนเกิดลิ่มเลือดในขาหรือมีภาวะซึมเศร้าได้

 

 

วิธีป้องกันหมอนรองกระดูกเสื่อม

การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันและชะลอการเกิดโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม มีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

 

  • ควรนั่งหลังตรง และควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ ไม่ควรนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานาน ๆ
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเสริมกล้ามเนื้อในแนวแกนกลางลำตัว ซึ่งได้แก่ บริเวณกล้ามเนื้อหน้าท้อง และกล้ามเนื้อหลัง
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือการก้ม ๆ เงย ๆ รวมถึงการก้มดูหน้าจอโทรศัพท์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
  • ระมัดระวังอุบัติเหตุ ที่อาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อกระดูกสันหลัง
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่

 

 

หมอนรองกระดูกเสื่อม ป้องกัน

 

 

การรักษาหมอนรองกระดูกเสื่อม

แนวทางการรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม สามารถทำได้หลายวิธี โดยจะมีความแตกต่างกันตามความรุนแรงของโรค ดังนี้

 

1.  หลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยง

หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่มีผลต่อกระดูกสันหลัง เช่น หลีกเลี่ยงการก้ม ๆ เงย ๆ การยกของหนัก รวมถึงกีฬาที่มีการกระแทก

 

2.  การทำกายภาพบำบัด

     การทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง ได้แก่ การประคบร้อน การทำอัลตราซาวด์ หรือการช็อกเวฟ จะช่วยบรรเทาอาการปวดและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง

 

3.  การใช้ยาลดปวด

     แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาลดอาการปวดร่วมกับวิธีอื่น แต่ควรระวังเรื่องการใช้ยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากยากลุ่มนี้มักมีผลต่อไต

 

4.  การใช้ยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง

     การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง เป็นวิธีการรักษาที่ช่วยลดอาการปวด และอักเสบของเส้นประสาท ถือเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงในการทำหัตถการน้อย แต่ยาจะสามารถออกฤทธิ์ได้ประมาณ 3-6 เดือนเท่านั้น

 

5.  การผ่าตัด

     หากอาการของผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น รวมถึงมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อแขนหรือขา และมีความผิดปกติของระบบขับถ่ายร่วมด้วย แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด

 

 

หมอนรองกระดูกเสื่อม

 

ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลรามคำแหง

     ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลรามคำแหงพร้อมให้บริการวินิจฉัย ดูแลรักษาความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง และเส้นประสาท โดยมุ่งเน้นผลการรักษาและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยเป็นหลัก ดังนั้น หากพบว่ามีอาการปวดหลังเรื้อรัง หรือร้าวลงขาเป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป ควรรีบเข้ารับการตรวจและปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการรักษาอย่างตรงจุด ก่อนที่หมอนรองกระดูกจะเสียหายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ยากต่อการรักษาตามไปด้วย

 

 

สล็อต