เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ปัจจุบันโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม (Lumbar Degenerative Disc Disease) หรือที่เรามักเรียกสั้น ๆ ว่า ‘หมอนรองกระดูกเสื่อม’ เป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่พบมากโดยไม่จำกัดแค่ในผู้สูงอายุเหมือนในอดีต สาเหตุหลักมักเกิดจากการใช้งานอย่างหนักและการนั่งอยู่กับที่หรือยืนอยู่เฉย ๆ นาน โดยสามารถสังเกตอาการเริ่มต้นได้จากอาการปวดบริเวณต้นคอร้าวมาที่ไหล่ อาจมีอาการปวดหน่วง ๆ บริเวณรอบเอวหรืออาจปวดร้าวลงขาข้างใดข้างหนึ่งร่วมกับอาการชาบริเวณปลายเท้า ซึ่งอาการเหล่านี้ จะค่อย ๆ เริ่มส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี
โดยปกติหมอนรองกระดูกสันหลังซึ่งเป็นอวัยวะที่ช่วยคั่นกลางรอยต่อระหว่างกระดูกสันหลังแต่ละคู่จะเริ่มเกิดภาวะแห้งลง สูญเสียความยืดหยุ่นและค่อย ๆ เสื่อมสภาพตามอายุ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าปัจจัยทางด้านการสูบบุหรี่ ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมอย่างรวดเร็ว พฤติกรรม อาทิ การยกของหนัก การนั่งอยู่กับที่นานหรือนั่งผิดท่าเป็นประจำ การขับรถระยะทางไกล ๆ รวมถึงการมีน้ำหนักตัวมากเกินไป มีส่วนเร่งความเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งการเสื่อมของหมอนรองกระดูกระยะแรกสามารถเกิดได้เร็วตั้งแต่อายุ 30 ปี และพบภาวะดังกล่าวในผู้ที่มีอายุ 30-50 ปีมากขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากอาการปวดหลังเรื้อรัง เมื่อหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพมากขึ้น ผู้ป่วยก็อาจพบปัญหาข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อมร่วมด้วย หากหมอนรองกระดูกสันหลังเริ่มบางจนทำให้ข้อกระดูกสันหลังสีกัน ผู้ป่วยอาจเกิดอาการปวดและข้อฝืดจนไม่สามารถเดินได้ปกติ ผู้ป่วยจึงมักไม่อยากขยับตัวทำกิจกรรมใด ๆ ซึ่งยิ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังยืดหยุ่นได้น้อยลง กล้ามเนื้อตึงตัวจนเกิดลิ่มเลือดในขาหรือมีภาวะซึมเศร้าได้
การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันและชะลอการเกิดโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม มีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
แนวทางการรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม สามารถทำได้หลายวิธี โดยจะมีความแตกต่างกันตามความรุนแรงของโรค ดังนี้
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่มีผลต่อกระดูกสันหลัง เช่น หลีกเลี่ยงการก้ม ๆ เงย ๆ การยกของหนัก รวมถึงกีฬาที่มีการกระแทก
การทำกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง ได้แก่ การประคบร้อน การทำอัลตราซาวด์ หรือการช็อกเวฟ จะช่วยบรรเทาอาการปวดและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง
แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาลดอาการปวดร่วมกับวิธีอื่น แต่ควรระวังเรื่องการใช้ยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากยากลุ่มนี้มักมีผลต่อไต
การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง เป็นวิธีการรักษาที่ช่วยลดอาการปวด และอักเสบของเส้นประสาท ถือเป็นวิธีที่มีความเสี่ยงในการทำหัตถการน้อย แต่ยาจะสามารถออกฤทธิ์ได้ประมาณ 3-6 เดือนเท่านั้น
หากอาการของผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาเบื้องต้น รวมถึงมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อแขนหรือขา และมีความผิดปกติของระบบขับถ่ายร่วมด้วย แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัด