เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ในอดีต ปัจจัยที่ส่งผลต่อภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมส่วนใหญ่มักเกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่ในปัจจุบันพบว่า คนทั่วไปก็มีอาการของโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะคนหนุ่มสาววัยทำงานที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้หมอนรองกระดูกเสื่อมไวกว่าปกติและมีอาการปวดต่าง ๆ ซึ่งรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
อาการหลักที่พบในโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมในผู้ที่อาการไม่รุนแรงคืออาการปวดตื้อบริเวณเอว โดยอาจมีอาการปวดร้าวลงมาที่กล้ามเนื้อด้านข้างของหลังและสะโพกและอาการจะแสดงชัดเจนขึ้นเมื่อนั่ง ยืน เดินนานหรือขับรถระยะทางไกล ๆ แต่เมื่อนอนพัก 10-15 นาที อาการปวดจะทุเลาลง ส่วนในบางรายที่มีอาการรุนแรง เกิดเป็นภาวะหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท จะมีอาการชา แขนขา และเท้าอ่อนแรง ตามแนวเส้นประสาทส่วนที่ถูกกดทับ
สารบัญ
ภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม มักสัมพันธ์กับกิจกรรมและการใช้งานหลังของผู้ป่วย โดยมีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกันหลายปัจจัย เช่น
โดยทั่วไปการเปลี่ยนแปลงของหมอนรองกระดูกสันหลังจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วัยรุ่น เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ลักษณะการใช้งานกระดูกสันหลังอย่างหนักและกิจกรรมที่ทำเป็นประจำ การสังเคราะห์และการเผาผลาญโปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan) ที่อยู่ในส่วนกลางของหมอนรองกระดูกสันหลังจะเริ่มเกิดการถดถอย ซึ่งจะส่งผลให้หมอนรองกระดูกสันหลังสูญเสียความสามารถในการอุ้มน้ำและเกิดภาวะที่แห้งลงและสูญเสียความยืดหยุ่นและแรงดึงตัวคงสภาพความสูงคล้ายลูกโป่งอัดแก๊สที่รั่วซึม
โดยปกติขอบนอกของหมอนรองกระดูกสันหลังจะมีลักษณะเป็นเส้นใยหลายชั้นประสานกัน เมื่อเส้นใยเหล่านี้ฉีกขาดจากด้านใน ขอบด้านนอกของหมอนรองกระดูกสันหลังบางลงคล้ายยางรถยนต์ที่เส้นใยผ้าใบฉีกขาด หากได้รับแรงหรือน้ำหนักกดทับจะโป่งพองและเกิดแรงกดดันต่อเนื้อเยื่อบริเวณโดยรอบที่มีระบบประสาทรองรับ ผู้ป่วยจึงรู้สึกเจ็บปวดบริเวณแผ่นหลังหรือหากหมอนรองกระดูกสันหลังโป่งนูนตามแนวของไขสันหลังและเส้นประสาท ก็ทำให้เกิดอาการปวดร้าวในบริเวณดังกล่าวได้เช่นกัน
บางกรณีที่เกิดการกระทบกันของหมอนรองกระดูกในส่วนที่เป็นของเหลว ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยดูดซับน้ำหนัก กระดูกอ่อนบริเวณที่ปิดด้านบนและด้านล่างของหมอนรองกระดูกก็อาจเกิดการแตกร้าว เมื่อร่างกายเริ่มกระบวนการซ่อมแซมบริเวณที่ได้รับความเสียหายผ่านหลอดเลือดและเส้นประสาทที่งอกเข้าไปในบริเวณนั้น ๆ ก็ทำให้ผู้ป่วยเกิดความเจ็บปวดจากน้ำหนักหรือแรงที่กดทับลงมาได้มากขึ้น
การวินิจฉัยโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมต้องอาศัยข้อมูลหลายส่วนประกอบกัน เบื้องต้นแพทย์จะ
โดยส่วนมากอาการของโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมนั้นมีความใกล้เคียงกับโรคอื่น ๆ แพทย์อาจจำเป็นต้องทำการตรวจเลือด ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์และตรวจเอกซเรย์คลื่นสนามแม่เหล็ก เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่า อาการปวดเฉพาะจุดบริเวณแผ่นหลังมีสาเหตุเกิดจากภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม แพทย์จะเสนอแนวทางในการรักษาตามอาการของผู้ป่วยในแต่ละราย โดยแนวทางหลักในการรักษามี 2 วิธีตามลำดับ คือ
การรักษาแบบประคับประคอง คือ การชะลอเพื่อไม่ให้หมอนรองกระดูกเสื่อมไวขึ้น แพทย์จะทำการรักษาด้วยยา พร้อมแนะนำให้ผู้ป่วยนอนพักและทำกายภาพบำบัด หลังจากนั้นจะติดตามผลการรักษาว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางใด โดยหากผู้ป่วยมีแนวโน้มที่แย่ลงกว่าเดิม หรือมีอาการทางระบบประสาทแทรกซ้อน เช่น รู้สึกปวดเพิ่มขึ้นเวลาใช้งานหรือปวดตามแนวเส้นประสาทขณะนอนหลับ มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือฝ่อลีบ รู้สึกชาหรือสูญเสียความรู้สึก และมีอาการไอ จาม ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะหรือไม่สามารถปัสสาวะเองได้ แพทย์จะดำเนินการตรวจหารอยโรคเพิ่มเติมโดยการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสมในขั้นต่อไป
หากการรักษาโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทขั้นต้นไม่เป็นผล แพทย์จะประเมินรอยโรคของผู้ป่วยโดยอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของตน เพื่อเลือกวิธีการผ่าตัดที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด โดยในปัจจุบัน วิวัฒนาการการรักษาด้วยการผ่าตัดมีความก้าวหน้าอย่างมาก แตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดเจ็บตัวน้อยและมีความปลอดภัยมากขึ้น แผลมีขนาดเล็กต่างจากการผ่าตัดทั่วไป โดยแนวทางการผ่าตัดสามารถแบ่งย่อยได้เป็นวิธีต่าง ๆ ดังนี้
โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม สำหรับคนทั่วไป และสำหรับผู้ที่มีภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมป้องกันได้ ดังนี้
แม้ว่าหมอนรองกระดูกจะเริ่มเสื่อมตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นและยากแก่การป้องกัน อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ ก็ถือเป็นเกราะป้องกันภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อมก่อนวัยอันได้เป็นอย่างดี ดังนั้น
สำหรับผู้ที่มีภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ส่งผลต่อการลงน้ำหนักที่บริเวณกระดูกสันหลัง รวมถึงการยกของหนัก หรือการนั่งนาน ๆ โดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อลดความรุนแรงของอาการและป้องกันไม่ให้โรคมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่เมื่อเกิดการยุบตัวของกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกปวดหลัง โดยเมื่อเกิดการกดทับหรือมีการเบียดทับของเส้นประสาทร่วมด้วย อาการปวดจะรุนแรงขึ้น โดยอาจมีอาการชาบริเวณสะโพกร่วมกับการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อเป็นได้
แม้จะไม่มีแนวทางในการรักษาภาวะกระดูกเสื่อมให้หายขาดได้ เนื่องจากเป็นการเสื่อมตามสภาพร่างกายและอายุ แต่สามารถชะลอความเสื่อมและบรรเทาอาการได้ด้วยการรักษาด้วยยา หมอนรองกระดูกเสื่อม กายภาพบำบัด การผ่าตัด และการรักษาด้วยแพทย์ทางเลือกต่าง ๆ
ในปัจจุบัน ยังไม่มีอาหารหรือวิตามินเสริมชนิดใด ที่มีผลโดยตรงต่อหมอนรองกระดูก
โรคกระดูกสันหลังส่วนเอวเสื่อม หรือภาวะการเสื่อมของหมอนรองกระดูก และข้อต่อที่อยู่ด้านหลังของกระดูกสันหลัง (Facet Joint) สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย โดยเฉพาะในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น ชอบนั่งท่าเดิมนาน ๆ หรือยกของหนักเป็นประจำ ไม่จำกัดแค่ในผู้สูงอายุ ดังนั้น ควรหมั่นสังเกตร่างกาย โดยหากพบอาการปวดในบริเวณดังกล่าว มีอาการขาชา หรือความปกติอื่นๆ ที่บริเวณกระดูกสันหลัง ผู้ป่วยไม่ควรปล่อยไว้ และควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งจะมีผลช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติหรือใกล้เคียงกับปกติที่สุดนั่นเอง
โรงพยาบาลรามคำแหง เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงวิเคราะห์ทุกโรค ทุกอาการด้วยความละเอียดและใส่ใจ หากคุณกำลังเผชิญกับสัญญาณของร่างกายที่ผิดปกติ คุณสามารถติดต่อนัดพบแพทย์ได้ทันที