รักลูกไม่ระวัง เด็กอาจเสี่ยงติด “เริม” บนใบหน้า

May 09 / 2025

เริมในเด็ก

 

 

 

     เด็กเล็กเป็นวัยที่น่าเอ็นดูที่สุด ใครเห็นก็อดไม่ได้ที่จะอยาก “หอมแก้ม” หรือ “อุ้มกอด” อย่างเอ็นดู แต่รู้ไหมว่า...การสัมผัสแบบใกล้ชิดจากผู้ใหญ่ที่กำลังเป็น “เริม” อาจทำให้เจ้าตัวเล็กติดเชื้อเริมได้! โดยเฉพาะ “เริมที่ริมฝีปาก” หรือ “เริมบนใบหน้า” ที่สามารถแพร่สู่เด็กผ่านการหอม กอด หรือแม้แต่การใช้ช้อนร่วมกัน

 

“เริม” คืออะไร?

โรคเริม (Herpes Simplex) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง เกิดจาก ไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

 

  • HSV-1 มักเป็นเริมบริเวณใบหน้า ริมฝีปาก ช่องปาก หรือจมูก
  • HSV-2 มักเกี่ยวข้องกับเริมบริเวณอวัยวะเพศ (แต่ในเด็กมักพบ HSV-1 มากกว่า)

 

อาการของเริมในเด็กเล็กจะแตกต่างกันไป

  • มีตุ่มน้ำใสหรือตุ่มพองเล็ก ๆ ขึ้นตามใบหน้า ริมฝีปากหรือรอบจมูก
  • อาจรู้สึกแสบ คันหรือปวดบริเวณที่เกิดตุ่ม
  • ในบางราย เด็กอาจมี ไข้ หรืออาการคล้ายไข้หวัดร่วมด้วย
  • เด็กบางคนอาจมีน้ำลายไหล เจ็บปาก กินน้อยลง เพราะเจ็บตุ่มเริมในช่องปาก

 

‘ไวรัสเริม’ สามารถติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัสกับตัวเชื้อโดยตรง

  • การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เช่น หอม กอด จูบ
  • การใช้ของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดหน้า
  • การสัมผัสน้ำลาย น้ำเหลืองจากตุ่มเริม โดยตรง

 

 


นอกจากนี้ ไวรัสเริมสามารถแพร่เชื้อได้ แม้ในช่วงที่ยังไม่มีตุ่มชัดเจน เพราะเชื้ออาจแฝงอยู่ในร่างกายและกลับมากำเริบได้ในภายหลัง

 

 

วิธีป้องกันลูกน้อยจากเริม

  • หลีกเลี่ยงการจูบหรือหอมเด็ก หากมีตุ่มเริม หรือสงสัยว่ากำลังติดเชื้อ
  • ล้างมือให้สะอาด ก่อนสัมผัสเด็ก โดยเฉพาะก่อนให้อาหารหรือป้อนยา
  • ไม่ใช้ของร่วมกับเด็ก เช่น แก้วน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดหน้า
  • ให้ลูกอยู่ห่างจากผู้ที่มีอาการของโรคเริม ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กคนอื่น
  • หมั่นเสริมภูมิคุ้มกันลูก ด้วยอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ

 

บททิ้งท้ายจากกุมารแพทย์

     “เริม” ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่สำหรับเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง การติดเริมโดยไม่รู้ตัวอาจทำให้เจ็บปวด และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ หากคุณพ่อคุณแม่หรือคนรอบข้างมีความรักให้ลูกน้อย…ก็ต้องมอบความรักอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดในช่วงที่มีอาการ

 

 

 

 

สล็อต